วันนี้แมวเลี้ยงมากจนหลายคนคิดว่าสัตว์เลี้ยงที่ส่งเสียงครางเหล่านี้เป็นสมาชิกของครอบครัว พูดคุยกับพวกเขา และแม้กระทั่งรับรองว่าพวกมันเข้าใจ แต่ไม่ใช่ว่าเจ้าของทุกคนจะอวดได้ว่าเขาเข้าใจสัตว์เลี้ยงนั้นดี และในขณะเดียวกัน ภาษาของแมวก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น
คำแนะนำ
ขั้นตอนที่ 1
มีแมวที่ช่างพูดและบางครั้งก็เงียบ สัตว์บางชนิดชอบที่จะสะท้อนเจ้าของของมันด้วยเสียงของมัน ทำให้เกิดภาพลวงตาของการสื่อสารที่แท้จริง แต่แมวส่วนใหญ่ชอบภาษากายมากกว่า โดยแสดงสภาพและอารมณ์ผ่านท่าทางและการเคลื่อนไหวที่หลากหลาย
ขั้นตอนที่ 2
คำทักทาย: แมวออกมาหาเจ้าของ มองมาที่เขาและยกหางขึ้นสูง บุคคลที่มีอารมณ์อาจกระตุกเล็กน้อย หากในขณะเดียวกัน แมวยังเอาหัวถูกับขาของคุณ แสดงว่าแมวนั้นรักใคร่เป็นพิเศษต่อคุณ
ขั้นตอนที่ 3
การป้องกัน: สัญญาณนี้เข้าใจได้ง่ายโดยไม่ต้องใช้พจนานุกรม หูและหนวดถูกกดลงที่ศีรษะอย่างแน่นหนาดวงตายื่นออกมาหางกระตุกจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง หากคู่ต่อสู้ไม่ประทับใจกับท่าทาง แมวอาจส่งเสียงขู่ ข่วน หรือกัด
ขั้นตอนที่ 4
ความกลัว: แมวที่ตื่นกลัวจะเกร็งมาก กดหนวดและหูของมัน ก้มศีรษะลง ขณะที่รูม่านตากลายเป็นรอยกรีดบางๆ ความกลัวสามารถกลายเป็นความก้าวร้าวได้ง่าย ดังนั้นคุณไม่ควรกระตุ้นสัตว์ชนิดนี้
ขั้นตอนที่ 5
ความเชื่อใจ: หากคุณลูบไล้แมวแล้วยืดคอหรือพลิกตัวไปบนหลังโดยให้ท้องของแมวแตะมือ นั่นหมายถึงระดับความไว้วางใจสูงสุด เมื่อหันไปหาคุณในที่ที่เปราะบางที่สุด เธอรู้แน่ว่าคุณจะไม่ทำร้ายเธอ
ขั้นตอนที่ 6
Purr: เสียงที่บ่งบอกว่าสัตว์รู้สึกดีและสบายใจ แต่แมวบางตัวอาจเสียงฟี้อย่างแมวด้วยความกลัวหรือความเจ็บปวด
ขั้นตอนที่ 7
กะพริบ: หากแมวของคุณกะพริบตา นี่ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความรักและความไว้วางใจของเธอ ลองเล่นกับมัน กะพริบตา หลับตา 1 หรือ 2 วินาที แล้วเปิดใหม่อีกครั้ง ในกรณีส่วนใหญ่ แมวเต็มใจเข้าร่วมเกม และคุณสามารถพัฒนาบทสนทนาที่แท้จริงได้